บันทึกครั้งที่ 4
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2559
วันนี้อาจารย์ได้ให้ นักศึกษา พรีเซ็นงาน ตามกลุ่มที่ได้ให้ไว้ ด้านร่างกาย อารมณ์ สติปัญญา สังคม พอพรีเซ็นเสร็จ อาจารย์ ก็ได้ ทฤษฏีของกลุ่มตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวอย่าไง พอพรีเซ็นเสร็จครูก็ปล่อย
ขั้นตอนความคิดสร้างสรรค์ 4 ขั้น
- ขั้นเริ่มคิด
- ขั้นครุ่นคิด
- ขั้นเกิดความคิด
- ขั้นปรับปรุง
ทฤษฎีของอัลเบิร์ต แบนดูรา
ครูให้นักศึกษา ดูคลิป stop teen mom เพื่อที่จะให้นักศึกษาดูการสอนที่แปลกใหม่และดี
สาระความรู้ที่ได้รับ
กลุ่มแรก ด้านร่างกาย
ทฤษฎีแรกคือ ทฤษฎีของกีเซล แบ่งออกเป็น 4 ด้าน
1.
พฤติกรรมด้านการเคลื่อนไหว เป็นความสามารถของร่างกายที่ครอบคลุมถึงการบังคับอวัยวะต่าง
ๆ ของร่างกายและความสัมพันธ์
ทางด้านการเคลื่อนไหวทั้งหมด
2.
พฤติกรรมด้านการปรับตัว เป็นความสามารถในการประสานงานระหว่างระบบการเคลื่อนไหวกับระบบความรู้สึก
เช่น การ
ประสานงานระหว่างตากับมือ
3.
พฤติกรรมทางด้านภาษา
จะเป็นการแสดงออกทางหน้าตาและ
ท่าทางการเคลื่อนไหว
4.
พฤติกรรมทางด้านนิสัยส่วนตัวและสังคม เป็นความสามารถในการปรับตัวของเด็ก
ระหว่างบุคคลกับบุคคลและบุคคลกับกลุ่มภายใต้ภาวะ แวดล้อมและสภาพความเป็นจริง
ทฤษฏีที่ 2 ทฤษฏีการเรียนรู้ ของ บรูเนอร์
ทฤษฎีของบรูเนอร์เน้นหลักการ
กระบวนการคิด ซึ่งประกอบด้วย
ลักษณะ 4 ข้อ คือ
1.แรงจูงใจ
(Motivation)
2.โครงสร้าง
(Structure)
3.ลำดับขั้นความต่อเนื่อง(Sequence)
การเสริมแรง
(Reinforcement
บรูเนอร์แบ่งขั้นพัฒนาการการเรียนรู้ของมนุษย์ออกเป็น 3 ขั้น
คือ
1. ขั้นการกระทำ
2.ขั้นคิดจินตนาการ หรือ มนภาพ
3.ขั้นใช้สัญลักษณ์และ คิดรวบยอด
ต้องรู้สิ่งต่างๆในการสอนของเด็ก เช่น ความพร้อม สิ่งแวดล้อม
กลุ่มที่ 2 ด้านสติปัญญา
ทฤษฎีการเรียนรู้ของธอร์นไดค์ เน้นการเรียนรู้ที่สำคัญด้วยกฎ 3 ประการ
1. กฎแห่งความพร้อม (Law
of Readiness)
2. กฎแห่งการฝึกหัด (Law
of Exercise)
3. กฎแห่งผล (Law
of Effects)
ทฤษฎีต่อมาเป็นทฤษฎีของ ทฤษฎีพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
เน้นพัฒนาการด้านสติปัญญา ถือว่าให้เด็กได้สัมผัสจะส่งเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้
เพียเจต์ถือว่าการให้เด็กได้สัมผัสวัตถุต่างๆ
จะส่งเสริมให้เด็กเกิดการเรียนรู้ได้ โดยเฉพาะในเด็กปฐมวัยซึ่งอาศัยการรับรู้เป็นสื่อในการกระตุ้นทางความคิดของเด็ก จำเป็นต้องให้เด็กได้มีโอกาสเคลื่อนไหวและสัมผัสสิ่งต่างๆ
ทฤษฎีนี้เป็นประโยชน์ในการจัดเนื้อหากิจกรรมทางการเคลื่อนไหว
โดยให้เด็กได้สัมผัสกับวัตถุต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเด็กซึ่งจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ในสิ่งใหม่
กลุ่มที่ 3 ด้านความคิดสร้างสรรค์ ( อารมณ์ )
ทฤษฏีการคิดสร้างสรรค์ ของกิลฟอร์ด
- ความคิดริเริ่ม
- ความคิดคล่องแคล่ว
- ความคิละเอียดละออ
-ความคิดยืดหยุ่น
ทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์ของทอร์แรนซ์
ความคิดสร้างสรรค์จะแสดงออกตลอดกระบวนการของความรู้สึกหรือการเห็นปัญหาการรวบรวมความคิดเพื่อตั้งเป็นข้อสมมติฐาน
การทดสอบ และดัดแปลงสมมติฐานตลอดจนวิธการเผยแพร่ผลสรุปที่ได้ความคิดสร้างสรรค์
จึงเปนกระบวนการแก้ ปัญหาทางวิทยาศาสตร์นั่นเอง และทอร์แรนซ์เรียกกระบวนการลักษณะนี้ว่ากระบวนการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรคค์หรือ “The creative problem solving process”
กระบวนการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์แบ่งออกได้
5 ขั้นตอน
ขั้นที่ 1 การพบความจริง (Fact – Finding)
ขั้นที่ 2 การค้นพบปัญหา ( Problem – Finding)
ขั้นที่ 3 การตั้งสมมติฐาน
ขั้นที่ 4 การแก้ปัญหา ( Solution – Finding) ขั้นที่ 5 ยอมรับผลจากการค้นพบ ( Acceptance – finding) ขั้นตอนความคิดสร้างสรรค์ 4 ขั้น
- ขั้นเริ่มคิด
- ขั้นครุ่นคิด
- ขั้นเกิดความคิด
- ขั้นปรับปรุง
ทฤษฎีเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว
ความคิดสร้างสรรค์ว่าเป็นกระบวนการของความรู้สึก หากเด็กรู้สึกอย่างไรก็จะมีการแสดงออกและเคลื่อนไหวออกมาแบบนั้น
เช่น เด็กฟังเพลงเด็กมีความรู้สึกที่ดีต่อเพลงๆนั้น
เด็กก็จะเคลื่อนไหวและแสดงออกมาตามบทเพลงที่เด็กได้ฟัง
กลุ่มที่ 4 ด้านสังคม
ทฤษฎีของอิริคสัน
อิริสันเป็นลูกศิษย์ของฟรอยด์ได้สร้างทฤษฏีขึ้นในแนวคิดของฟรอยด์
แต่ได้เน้นความสําคัญของทางด้านสังคม
วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมด้านจิตใจว่ามีบทบาทในการพัฒนาการบุคลิกภาพมาก ความคิดของอิริสันต่างกับฟรอยด์หลายประการ
เป็นต้นว่าเห็นความสําคัญของEgo มากว่า Id และถือว่าพัฒนาการของคนไม่ได้จบแค่วัยรุ่น แต่ต่อไปจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต
ด้วยเหตุที่อิริสันเน้นกระบวนการทางสังคมว่าเป็นจุดกระตุ้นหล่อหลอมบุคลิกภาพ
เขาจึงได้เรียกทฤษฎีของเขาว่า เป็นทฤษฏีจิตสังคม
อิริคสันได้แบ่งพัฒนาการของบุคลิกภาพออกเป็น
8 ขั้น แต่ปฐมวัยมี 3 ขั้น คือ
ขั้นที่ 1
ขั้นความไว้วางใจ-ความไม่ไว้วางใจ
ขั้นที่ 2
ความเป็นตัวของตัวเองอย่างอิสระ
– ความสงสัยไม่แน่ใจตัวเอง
ขั้นที่
3 การเป็นผู้คิดริเริ่ม
– การรู้สึกผิด ทฤษฎีของอัลเบิร์ต แบนดูรา
การเรียนรู้ของมนุษย์นั้นเกิดจากพฤติกรรมบุคคลนั้นมีการปฏิสัมพันธ์
อย่างต่อเนื่องระหว่างบุคคลนั้น และสิ่งแวดล้อม ซึ่งทฤษฎีนี้เน้นบุคคลเกิดการเรียนรู้โดยการให้ตัวแบบ
โดยผู้เรียนจะเลียนแบบจากตัวแบบ
และการเลียนแบบนี้เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยอาศัยการสังเกตพฤติกรรมของตัวแบบ การสังเกตการณ์ตอบสนองและปฏิกิริยาต่าง ๆ
ของตัวแบบ สภาพแวดล้อมของตัวแบบ ผลการกระทำ คำบอกเล่า
และความน่าเชื่อถือของตัวแบบได้ การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจึงเกิดขึ้นได้
ซึ่งกระบวนการต่าง ๆ ของการเลียนแบบของเด็ก ประกอบด้วย 4 กระบวนการ
1. กระบวนการดึงดูดความสนใจ (Attentional
Process)
2. กระบวนการคงไว้ (Retention
Process)
3.กระบวนการแสงออก (Motor Reproduction Process )
4. กระบวนการจูงใจ
(Motivational
Process)
วันพฤหัสบดี ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พอดูเสร็จครูก็ให้เริ่มกิจกรรมแรกคือกิจกรรมก่อนการเรียนการสอน คือ การบริหารสมองทั้ง 2 ซีก
พอฝึกการบริหารสมองแล้ว ครูก็เปิดเพลงให้นักศึกษาทำท่าออกกำลังกาย แล้วออกมานำคนละ 1 ท่า
พอเสร็จจากการเคลื่อนไหวกันแล้ว ครูก็ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คนคิดท่าออกกำลังกายมา 10 ท่า โดยเรียงจาก ท่า ง่าย ก่อนไปถึงถึง ท่ายาก
ครูให้เวลาในการให้แต่ละกลุ่มเสร็จแล้วก็ออกมาทำให้เพื่อนๆดู
นี่คือ สุดยอด กลุ่ม5555
เริ่มเลยยยยยย
การนำความรู้ไปประยุคต์ใช้
นำความรู้ที่ได้จากการจักกิจกรรมการเคลื่อนำหวและจังหวะไปปรับใช้ในอนาคตได้ และ ได้รู้ถึง ทฤษฏีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว
การประเมินผล
เข้าใจเนื้อหาที่ครูสอน ตั้งใจฟัง และทำกิจกรรมต่างๆอยู่ตลอดและเต็มที่กับมัน
เพื่อนๆตั้งใจฟังและทำกิจกรรมอย่างมาก โดยมีท่าที่แปลกใหม่และหลากหลายมาให้ดูเสมอ
ประเมินอาจารย์
ครูน่ารักมากๆสอนได้เข้าใจ และสนุก มีวิธีการสอน และเทคนิคการสอนที่หลายหลายที่นำมาสอนนักศึกษาอยู่เสมอและสนุกทุกครั้งที่ได้เรียน
ฤ
ทฤษฎีอัลเบิร์ต
แบนดูรา
ษฎีอัลเบิร์ต
แบนดูราทฤษฎีอัลเบิร์ต
แบนดูรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น